วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วัดโพธาราม

ประวัติวัดโพธาราม ตำบลแพรกศรีราชา อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท
ที่ตั้งวัด วัดโพธาราม ตั้งอยู่ในเขตบ้านซ่อง เลขที่ ๘๗ หมู่ที่ ๕ ตำบลแพรกศรีราชา อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท เดิมชื่อวัดบ้านซ่อง จะเป็นเพราะชาวบ้านซ่องพร้อมใจกันสร้างขึ้น เพื่อจะได้เป็นที่ทำบุญกุศลเป็นประจำสำหรับชาวบ้านซ่อง พอสร้างเสร็จแล้วจึงนำชื่อบ้านตั้งเป็นชื่อวัด มีเนื้อที่ ๓๘ ไร่ ๓ งาน ๖๓ ตารางวา
ทิศเหนือ ที่ดินของวัดติดบางท่าหว้า และติดที่ดินของนายผิว นางโปรย แสงคู่
ทิศตะวันออก ที่ดินของวัดติดฝั่งแม่น้ำน้อยทางฝั่งตะวันตก
ทิศใต้ ที่ดินของวัดติดที่ดินของนายพจน์ นางขัน นายซ้อน นางสำเนา นายเคลือบ นางค้าง นายเกราะ นางกริด
ทิตตะวันตก ที่ดินของวัดที่เป็นที่สุสาน ติดถนนใหญ่ สายชัยนาท-สุพรรณบุรี ที่ดินของวัดด้านใต้สุสาน เป็นโรงเรียนวัดดพธาราม
ชนิดของวัด เป็นวัดราษฎร์ พัทธสีมา โดยได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๔๕ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ผู้สร้างวัด วัดโพธารามนี้ ไม่มีหลักฐานปรากฏว่าใครเป็นผู้สร้าง และสร้างแต่เมื่อใด เพราะคนโบราณได้สร้างไว้ ยังเหลืออยู่แต่ซากฐานวิหารกับซากฐานเจดีย์เท่านั้นอย่างอื่นอันตรธารไปหมดสิ้น หากจะประมาณเห็นจะเป็นตอนต้นที่ชาวบ้านเมืองสรรคบุรี ได้สร้างบ้านสร้างเมือง พอสร้างบ้านเมืองเสร็จ จึงพร้อมใจกันสร้างวัด คู่บ้านคู่กับเมือง เพราะถือกันว่าประเทศชาติคู่กับพระศาสนา จึงเป็นธรรมเนียมมาถึงปัจจุบันนี้ เช่นมีประชาชนอพยพไปอยู่ในที่ใด เมื่อมีประชาชนในที่นั้นมากขึ้น ก็พร้อมใจกันสร้างวัด เพื่อจะได้มีวัดเป็นที่ทำบุญและเพื่อให้ลูกหลานได้มีที่เล่าเรียนศึกษาหาความรู้
อนึ่ง การสร้างวัดโพธาราม ที่เหลือแต่ซากฐานวิหารกับเจดีย์ มีวิธีการสร้างเหมือนกับการสร้างวัดมหาธาตุ (วัดศรีษะเมือง) ซึ่งอยู่ภายในเขตพระราชฐานของเมืองสรรคบุรี เช่นที่วัดมหาธาตุ ทำการสร้างกำแพงแก้วที่หน้าอุโบสถและวิหาร ก่ออิฐแล้วสออิฐด้วยดินเหนียวก่อขึ้นไป แล้วฉาบรอบนอกด้วยปูนขาวอย่างไรวัดโพธารามได้มีวิธีทำอย่างนั้นเหมือนกัน
อีกประการหนี่ง เจดีย์หลังวิหารนี้เล่า เป็นองค์เจดีย์ ๒ ชั้น แสดงว่าทำการสร้างสองหน คือองค์เล็กอยู่ข้างใน ก่ออิฐแล้วสออิฐด้วยดินเหนียวก่อขึ้นไปแล้วฉาบรอบนอกด้วยปูนขาว พอองค์เล็กที่สร้างพังลงลูกหลานเกิดมาที่หลังมีศรัทธา จึงก่ออิฐสออิฐด้วยดินเหนียวต่อ หุ้มเข้าไปอีก แล้วฉาบรอบนอกด้วยปูนขาวเหมือนองค์เล็กข้างใน แต่นานเข้าก็พังลงเป็นครั้งที่ ๒ จึงเหลือแต่ซากฐานแล้วเห็นเป็นเจดีย์ ๒ ชั้น อยู่จนบัดนี้

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

อยากทราบประวัติ หลวงพ่อมงคลวิชัยครับ